Afforest

หยิบบทความ ข้อคิดดีๆ “ต้องปลูกป่าในใจคน”

โดย ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล    มาฝากค่ะ

ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ให้มุมมองเรื่องปลูกป่าไว้อย่างน่าสนใจว่า การปลูกป่าและการฟื้นคืนชีวิตให้ป่าไม่ได้เป็นเรื่องที่สายเกินแก้ ตัวอย่างจากศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ เกิดขึ้นจากแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเมื่อ 25 ปีก่อนที่สามารถแปลงพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมให้กลายเป็นป่าอย่างสมบูรณ์ และเป็นพื้นที่การเรียนรู้ได้ทุกวันนี้ เริ่มต้นจากการทำเรื่องน้ำ โดยทำฝายชะลอน้ำจำนวนมากเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผืนดิน โดยป่าที่อยู่ส่วนบนสุดเป็นป่าอนุรักษ์เพื่อเก็บกักน้ำในส่วนแรกเป็นเสมือนอ่างเก็บน้ำตามธรรมชาติ โดยเก็บน้ำจากฝนที่ตกลงมา ก่อนที่จะมาสู่พื้นที่ตรงกลางมีการทำอ่างเก็บน้ำเพื่อรองรับน้ำเพื่อทำประมง ก่อนจะปล่อยลงสู่ธรรมชาติ เพื่อไปสู่ระบบเกษตรและส่งน้ำต่อไปเลี้ยงเมืองต่อไป

เมื่อเริ่มต้นจากการดูแลเรื่องแหล่งน้ำทำให้พื้นที่มีความชุ่มชื้น ในเวลาต่อมาเมล็ดพันธุ์ที่ยังคงอยู่ตามธรรมชาติก็กลายมาเป็นป่า และสามารถฟื้นชีวิตระบบนิเวศน์ได้อย่างสมบูรณ์ในปัจจุบัน

“นั่นคือสิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทำเพื่อพวกเรา ดังนั้นการปลูกต้นไม้นอกจากจะเป็นการฟอกอากาศ ให้ความรู้สึกกตัญญูต่อแผ่นดินยังเป็นการทำในสิ่งที่ถวายพระองค์ท่านโดยตรง”

“ทุกวันนี้สิ่งที่มนุษย์บริโภคกับสิ่งที่ธรรมชาติสามารถคืนกลับมาได้อยู่ในสัดส่วน 3 ต่อ 1 อนาคตไม่รู้จะเป็นอย่างไรต่อไป การช่วยกันปลูกต้นไม้นอกจากจะเป็นการทำประโยชน์ให้แผ่นดิน ยังเป็น การต่อชีวิตพวกท่านเอง เพราะถ้าไม่ทำอะไรสุดท้ายมนุษย์จะฆ่ากันเพื่อแย่งทรัพยากร”

พระเจ้าอยู่หัวจึงมีพระราชดำรัสว่า ถ้าจะปลูกต้นไม้ต้องปลูกต้นไม้ในใจคนให้ได้

ดร.สุเมธขยายความว่า คำว่าปลูกต้นไม้ในใจคน หมายถึง ประการที่ 1 ต้องเข้าใจว่าเราปลูกต้นไม้ทำไม ไม่ใช่แค่เอาต้นไม้ลงหลุม ถ่ายรูปกันเสร็จแล้วก็ทิ้งๆ ขว้างๆ จริงๆ คือต้องให้เห็นประโยชน์ ว่าประโยชน์คืออะไรจำเป็นต่อชีวิตอย่างไร

ประการที่ 2 ปลูกต้นไม้เป็นการปลูกจิตสำนึกเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดินน้ำลมไฟที่อยู่รอบตัวเรา

“ทุกวันนี้เราไม่ค่อยแยแสสภาพแวดล้อม ใช้อย่างฟุ่มเฟือยและทำลายสิ่งแวดล้อมแล้วก็กอบโกยโดยไม่คำนึงถึงวันข้างหน้า ตรงนี้เป็นสิ่งสำคัญว่าทรัพยากรมีจำกัดแค่นี้ คนก็มีมากขึ้น ฉะนั้นเราต้องอยู่อย่างฉลาด อยู่อย่างพอประมาณ อย่าได้โลภ เราจะไม่ใช้ทรัพยากรอย่างฟุ่มเฟือยและสามารถใช้ต่อไปได้จนชั่วลูกชั่วหลาน ไม่ใช่เป็นหน้าที่ของหน่วยราชการ ไม่ใช่หน่วยองค์กรใดองค์กรหนึ่ง แต่เป็นหน้าที่ของเราทุกคน เพราะฉะนั้นทุกคนจะปลูกต้นไม้ จะทำประโยชน์อะไรให้กับดินน้ำลมไฟก็ทำเถอะครับ เพราะนั่นเท่ากับเราทำประโยชน์ให้กับตัวเราเอง ต่อชีวิต ของตัวเอง”

“การที่มีองค์กรมาทำกิจกรรมพวกนี้มากๆ ก็ดี อย่างน้อยที่ลุกขึ้นมาทำกันเยอะๆ ก็ดีกว่าพูดแล้วไม่ได้ทำอะไร ถ้าเราทำจริงและทำอย่างถูกหลักวิชา ป่าคืนมา เราเอาคืนได้ไม่ใช่อะไรที่เกินแก้ หรืออย่างน้อย ชะลอให้โลกนี้ดับช้าลง”

ใส่ความเห็น

อีเมล์ของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *

*

คุณอาจจะใช้ป้ายกำกับและคุณสมบัติHTML: <a href="" title=""> <abbr title=""> <acronym title=""> <b> <blockquote cite=""> <cite> <code> <del datetime=""> <em> <i> <q cite=""> <strike> <strong>