ดูแลบัวอย่างไรให้งอกงาม
บัวเป็นไม้น้ำที่ทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดี แต่จะมีสักกี่คนที่สามารถปลูกบัวได้สวยงาม แข็งแรง สมบูรณ์ หลังจากซื้อมาจากร้าน ยิ่งราคาขายสูง ก็ยิ่งรู้สึกแย่ถ้ามันไม่งาม ใช่มั๊ย จากประสบการณ์ผม มีวิธีแก้1. เมื่อซื้อมาใหม่ ๆ คนขายจะเทน้ำออกให้เรา เมื่อมาถึงบ้านก็อย่าเพิ่งเปลี่ยนกระถางนะครับ ให้เติมน้ำจนเต็ม และตั้งไว้แดดรำไรก่อนสัก 1 สัปดาห์ เพื่อให้บัวปรับสภาพให้คุ้นเคยกับน้ำ และป้องกันใบไหม้ หลังจากนั้นถ้าอยากเปลี่ยนใส่อ่างก็สามารถทำได้ และวางไว้ในที่โดนแดดอย่างน้อยครึ่งวัน
2. ปุ๋ยที่ใช้ใส่บัว แบ่งออกเป็นหลายชนิด
1) ปุ๋ยบัว มีหลากหลายยี่ห้อ เหมือนกับปุ๋ยอัดกับดินเหนียว
2) ปุ๋ยเคมีที่ใช้ใส่ต้นไม้ทั่วไป มีหลายสูตร เช่น 15-15-15, 16-16-16, 8-24-24 ซึ่งเป็นอัตราส่วนระหว่าง ไนโตรเจน(ใบ) – ฟอสฟอรัส(ดอก) – โพแทสเซียม(ราก,ผล,หัว)
3) ปุ๋ยอินทรีย์ จะเป็นปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยชีวภาพผมแนะนำให้ใส่ปุ๋ยตามสภาพของต้นไม้นะครับ
1) ถ้าต้นไม้แข็งแรงดี ใบสมบูรณ์ ต้องการให้ดอก ก็สามารถเลือกใส่ได้เกือบทุกสูตรครับ แต่ถ้าต้องการให้ดอกออกเร็ว ก็ใส่ 8-24-24 ถ้ามีดอกอยู่แล้วจะใส่ 16-16-16 หรือ ปุ๋ยเม็ด หรือ 8-24-24 ก็ได้
2) ถ้าต้นยังไม่แข็งแรงหรือเหลือแต่หัว ถ้าดินเริ่มเสียแล้ว แนะนำให้เปลี่ยนดินโดยรองก้นภาชนะด้วยปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก หรือจะไม่ใส่ก็ได้ ถ้าจะใส่ปุ๋ยก็ให้เลือกปุ๋ยที่ตัวหน้าสูงเช่น 16-16-16 ก่อน เมื่อใบสมบูรณ์แล้วค่อยเร่งดอก ให้ใส่ทุกสัปดาห์ ประมาณ 2-3 เดือนก็จะเริ่มให้ดอก
3) ใส่ปุ๋ยชีวภาพบ้าง เพื่อลดการเน่าเสียของดิน
3. ถ้ามีเพลี้ยอ่อน ซึ่งเป็นเพลี้ยสีแดง ขนาดประมาณ 1 มม. ฉีดพ่นด้วยมาลาไธออน 2 ซีซีต่อน้ำ 1 ลิตร
4. ถ้ามีหนอนให้เด็ดใบที่มีหนอนทิ้ง
5. ตั๊กแตนก็กัดกินใบและก้านบัวด้วยนะครับ
6. ถ้ามีการระบาดของหนอนพับใบ จะสังเกตว่าใบบัวจะขาด และห่อ ให้เด็ดใบบัวทั้งหมดทิ้ง เปลี่ยนน้ำ และรอใบแตกใบใหม่
7. มีตะไคร่น้ำหรือสาหร่าย สามารถใช้ ด่างทับทิมละลายน้ำให้เป็นสีม่วงอ่อน ๆ แล้วเปลี่ยนน้ำ ทำซ้ำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง จนไม่มีตะไคร่น้ำ ถ้าใครอยากลองเลี้ยงแหนดูก็ได้ครับ ผมลองแล้วได้ผลดีเหมือนกัน เพราะว่าสาหร่ายหรือตะไคร่น้ำต้องการแสงแดดในการอยู่รอด ซึ่งแหนจะไปทำให้ไม่ได้แสงแดดทำให้ไม่สามารถเจริญเติบโตได้
2. ปุ๋ยที่ใช้ใส่บัว แบ่งออกเป็นหลายชนิด
1) ปุ๋ยบัว มีหลากหลายยี่ห้อ เหมือนกับปุ๋ยอัดกับดินเหนียว
2) ปุ๋ยเคมีที่ใช้ใส่ต้นไม้ทั่วไป มีหลายสูตร เช่น 15-15-15, 16-16-16, 8-24-24 ซึ่งเป็นอัตราส่วนระหว่าง ไนโตรเจน(ใบ) – ฟอสฟอรัส(ดอก) – โพแทสเซียม(ราก,ผล,หัว)
3) ปุ๋ยอินทรีย์ จะเป็นปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยชีวภาพผมแนะนำให้ใส่ปุ๋ยตามสภาพของต้นไม้นะครับ
1) ถ้าต้นไม้แข็งแรงดี ใบสมบูรณ์ ต้องการให้ดอก ก็สามารถเลือกใส่ได้เกือบทุกสูตรครับ แต่ถ้าต้องการให้ดอกออกเร็ว ก็ใส่ 8-24-24 ถ้ามีดอกอยู่แล้วจะใส่ 16-16-16 หรือ ปุ๋ยเม็ด หรือ 8-24-24 ก็ได้
2) ถ้าต้นยังไม่แข็งแรงหรือเหลือแต่หัว ถ้าดินเริ่มเสียแล้ว แนะนำให้เปลี่ยนดินโดยรองก้นภาชนะด้วยปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก หรือจะไม่ใส่ก็ได้ ถ้าจะใส่ปุ๋ยก็ให้เลือกปุ๋ยที่ตัวหน้าสูงเช่น 16-16-16 ก่อน เมื่อใบสมบูรณ์แล้วค่อยเร่งดอก ให้ใส่ทุกสัปดาห์ ประมาณ 2-3 เดือนก็จะเริ่มให้ดอก
3) ใส่ปุ๋ยชีวภาพบ้าง เพื่อลดการเน่าเสียของดิน
3. ถ้ามีเพลี้ยอ่อน ซึ่งเป็นเพลี้ยสีแดง ขนาดประมาณ 1 มม. ฉีดพ่นด้วยมาลาไธออน 2 ซีซีต่อน้ำ 1 ลิตร
4. ถ้ามีหนอนให้เด็ดใบที่มีหนอนทิ้ง
5. ตั๊กแตนก็กัดกินใบและก้านบัวด้วยนะครับ
6. ถ้ามีการระบาดของหนอนพับใบ จะสังเกตว่าใบบัวจะขาด และห่อ ให้เด็ดใบบัวทั้งหมดทิ้ง เปลี่ยนน้ำ และรอใบแตกใบใหม่
7. มีตะไคร่น้ำหรือสาหร่าย สามารถใช้ ด่างทับทิมละลายน้ำให้เป็นสีม่วงอ่อน ๆ แล้วเปลี่ยนน้ำ ทำซ้ำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง จนไม่มีตะไคร่น้ำ ถ้าใครอยากลองเลี้ยงแหนดูก็ได้ครับ ผมลองแล้วได้ผลดีเหมือนกัน เพราะว่าสาหร่ายหรือตะไคร่น้ำต้องการแสงแดดในการอยู่รอด ซึ่งแหนจะไปทำให้ไม่ได้แสงแดดทำให้ไม่สามารถเจริญเติบโตได้