Credit : Gartner และ IMC
บทความ Top 10 Strategic Technology Trends 2014 ของ Gartner
ต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมาทาง Gartner ก็ได้ระบุถึง 10 เทคโนโลยีที่มีแนวโน้มเด่นในปี 2014 ดังนี้
- Mobile Device Diversity and Management: Gartner ได้ให้ความสำคัญกับ Mobile Devices อย่างต่อเนื่องมา 2-3 ปี และพยายามเน้นให้เห็นว่ายุคของพีซีได้สิ้นสุดลงไปแล้ว ผู้ใช้ไอทีจะมาเน้นใช้อุปกรณ์โมบายอย่าง smartphone และ tablet มากขึ้น และเมื่อองค์กรต่างๆมีนโยบายอนุญาตให้นำอุปกรณ์เหล่านี้มาใช้งาน (BYOD) ก็มีแนวโน้มที่จะทำให้องค์กรมีจำนวน อุปกรณ์โมบายเพิ่มขึ้นถึง 2-3 เท่าของจำนวนพนักงาน เรื่องของการบริหารการใช้อุปกรณ์โมบายเหล่านี่้จึงมีความสำคัญมาก องค์กรจึงต้องมีการกำหนดนโยบายและสถาปัตยกรรมไอ ทีที่ดีขององค์กรเพื่อความปลอดภัยของข้อมูล องค์กร
- Mobile Apps and Applications: Gartner คาดการณ์ว่า HTML5 จะกลายเป็น Platform หลักสำหรับ Mobile App เพราะประสิทธิภาพของ Javascript จะดียิ่งขึ้น บริษัทต่างๆควรเน้นที่จะทำ Mobile Apps ที่จะเป็น User Interface ซึ่งสามารถใช้ฟังก์ชั่นเสริมเช่นเสียงหรือวิดีโอที่จะทำให้มีลูกเล่นมากขึ้น ควบคู่ไปกับการทำ Enterprise Application แต่แนวโน้มของการทำ Application จะเริ่มมีน้อยลงขณะที่ Mobile Apps จะเพิ่มขึ้น
- The Internet of Everything: Gartner เคยใช้คำว่าThe Internet of Things มาหลายปีและเน้นให้เห็นว่าอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตขยายไปมากกว่า เครื่องพีซีและอุปกรณ์โมบาย โดยมีอุปกรณ์อื่นๆที่สามารถเชื่อมอินเตอร์เน็ตได้มากขึ้นเช่น ทีวี นาฬิกา หรือ รถยนต์ แต่อย่างไรก็ตามบริษทต่างๆและผู้ผลิตเทคโนโลยีก็ยังไม่ได้ขยายการนำอินเตอร์ เน็ตเข้ามาใช้ในอุปกรณ์ใหม่ๆเหล่านี้มากนัก บริษัทต่างๆะต้องเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจที่จะต้องไม่จำกัดขอบเขตของตัวเอง เป็นเพียงแค่ The Internet of Things (กล่าวคือเน้นเฉพาะอุปกรณ์) แต่ควรขยายขอบเขตไปเป็น The Internet of Everything (กล่าวคือครอบคลุมทั้งอุปกรณ์ คน ข้อมูล และสถานที่)
- Hybrid Cloud and IT as Service Broker: องค์กร ต่างๆจะต้องออกแบบ Private Cloud ของตัวเองให้สามารถที่จะปรับเป็น Hybrid Cloud ในอนาคตได้ ซึ่งจะต้องพร้อมที่จะเชื่อมต่อและสามารถทำ interoperability กับระบบอื่นๆได้ ทั้งนี้การพัฒนา Hybrid Cloud อาจมีรูปแบบที่หลากหลายทั้งที่เป็นแบบ static (กล่าวคือการทำให้ระบบ Internal Private Cloud เขื่อมต่อกับ Public Cloud สำหรับงานบางด้านหรือข้อมูลบางส่วน) หรือแบบ dynamic ซึ่งการทำระบบเหล่านี้องค์กรจะต้องปรับบทบาทตัวเอง เป็น cloud service broker (CSB)
- Cloud/Client Architecture: สถาปัตยกรรม ไอทีกำลังเข้าสู่ยุคของ Cloud/Client กล่าวคือฝั่ง Client จะเป็น Rich Application ที่ทำงานบนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อระบบอินเตอร์เน็ตเช่นอุปกรณ์พีซี smartphone หรือ Tablet ส่วนฝั่งของ Server ก็จะเป็น Applications หลากหลายที่ทำงานอบู่บนระบบ Cloud Computing ที่ยืดหยุ่น (Elastic) และพร้อมที่จะรองรับผู้ใช้จำนวนมากได้ (Scalability) นอกจากนี้ความต้องการการใช้งานฝั่ง Client ผ่านอุปกรณ์โมบายจะยิ่งทำให้ระบบ Server และ Storage มีขนาดใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ
- The Era of Personal Cloud: ผู้ ใช้ไอทีจะมีการใช้อุปกรณ์ไอทีที่หลากหลายโดยไม่ ได้มีอุปกรณ์ใดเป็นอุปกรณ์หลักอีกต่อไป ผู้ใช้จะมีความต้องการที่จะเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวต่างๆที่แชร์มาผ่านบริการบน Cloud ที่ใช้ในการบริหารจัดการข้อมูลอย่างปลอดภัย ยุคของ Personal Cloud กำลังเปลี่ยนความสำคัญจาก devices สู่ services
- Software Defined Anything: ในอดีตเราอาจเคยได้ยินคำว่า ”Software Defined Networking” และ ”Software Defined Data Center” เพื่อที่จะกำหนดมาตรฐานสำหรับการทำ interoperability แต่ในยุคของ Cloud ผู้ผลิตเทคโนโลยีรายต่างๆจะพยายามที่ใช้เทคโนโลยีของตัวเองเพื่อปกป้อง ธุรกิจของตนเองและจะกลายเป็นคำว่า “Software Defined Anything”
- Web-Scale IT: การให้บริการไอทีกำลังเปลี่ยนไปเพราะมีผู้ใช้จำนวน มหาศาล ระบบอย่าง Facebook, Amazon และ Google ทำให้ Enterprise Data Center ต่างๆต้องออกแบบระบบที่จะรองรับผู้ใช้จำนวนมากที่จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ได้ ซึ่งจะเป็นเรื่องยากที่องค์กรส่วนใหญ่จะทำระบบแบบนั้นได้ ดังนั้นในอนาคตเราอาจจะเห็นองค์กรต่างๆมาใช้ระบบ Cloud มากขึ้น
- Smart Machines: ภายในปี 2020 เครื่อง smart machine ที่เป็นระบบที่สามารถเรียนรู้เองได้ (เช่น IBM Watson) จะเข้ามาเป็นผู้ช่วยในการทำงานของเรา ซึ่งยุคของ smart machine ที่จะมาถึงนี้ก็จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของประวัติศาสตร์ไอที
- 3-D Printing: ตลาดการพิมพ์สามมิติในปี 2014 จะโตขึ้นถึง 75% และคาดการณ์ว่าจำนวนเครื่องพิมพ์สามมิติจะถูกจำหน่ายเพิ่มเป็นสองเท่าในปี 2015 โดยราคาเครื่องก็เรื่มมีหลากหลายขึ้นตั้งแต่ช่วง $500 จนถึง $50,000